วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รถโบราณคร่าชีวิตคนกว่า 80 คน

“ออสติน ฮีลีย์” รถแข่งโบราณสัญชาติอังกฤษ หนึ่งในต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งรถ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 84 ราย ถูกนำมาประกาศขายแล้วในราคา 1 ล้านปอนด์ (ราว 48.5 ล้านบาท)
 รถแข่งโบราณแห่งเมืองผู้ดี “ออสติน ฮีลีย์” (Austin-Healey) รุ่นปี 1953  ที่เคยประสบอุบัติเหตุระหว่างการแข่งขัน “เลอมองส์” เมื่อปี ค.ศ. 1955 (พ.ศ. 2498) ถูกเจ้าของนำมาประกาศขายในราคา 1 ล้านปอนด์ (ราว 48.5 ล้านบาท) หลังซื้อไว้ในครอบครองเมื่อปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ด้วยสนนราคา 155 ปอนด์ (ราว 7,500 บาท) และเก็บรักษาเอาไว้นาน 42 ปี
 
ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1955  ระหว่างการแข่งขันรายการ “เลอมองส์” (แข่งขัน 24 ช.ม.) บนสนามแข่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส รถแข่งออสติน ฮีลีย์ 100 หมายเลข 26 ที่ขับโดยนายแลนซ์ แมคคลิน นักแข่งรถชาวอังกฤษ ได้ถูกรถยนต์จากัวร์ ดีไทป์ (ขับโดยไมค์ ฮาวธอร์น) ปาดหน้าและเบรคกระทันหันเพื่อเข้าพิตส์ ทำให้ต้องรีบหักหลบออกไปอีกเลน (รถออสติน ฮีลีย์ ใช้ดรัมเบรค จึงเบรคได้ช้ากว่าจากัวร์ ดีไทป์ซึ่งใช้ดิสก์เบรค)  จึงถูกรถเมอร์เซเดส เบนซ์ 300 เอสแอลอาร์ (ขับโดยนายปิแอร์ เลอวิก นักแข่งรถชาวฝรั่งเศส วัยกว่า 50 ปี) ที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงชนท้ายด้านซ้ายเข้าอย่างจัง 
จากนั้น รถเมอร์เซเดสคันดังกล่าวก็เสียหลักพุ่งชนขอบกั้นทาง แล้วลอยขึ้นไประเบิดกลางอากาศ ส่งผลให้เศษซากรถพุ่งกระจัดกระจายใส่กลุ่มคนดูด้วยความเร็ว 150 ไมล์ (241 ก.ม.) ต่อชั่วโมง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 84 คน และบาดเจ็บอีก 120 คน นอกจากนี้ นายปิแอร์ เลอวิก ผู้ขับรถคันดังกล่าว ยังเสียชีวิตในที่เกิดเหตุอีกด้วย 
 หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป แต่รถออสติน ฮีลีย์ คันดังกล่าวได้ถูกทางการฝรั่งเศสอายัดเอาไว้ ก่อนส่งคืนให้บริษัท ออสติน มอเตอร์ ที่ประเทศอังกฤษ ในอีก 1 ปีต่อมา หลังจากนั้น รถคันกล่าวก็ถูกนำมาขายและเปลี่ยนมือเจ้าของหลายครั้ง
 
ปัจจุบัน รถคันนี้ยังใช้เครื่องยนต์ ‘SPL 261-BN’ ของเดิมๆ ถึงแม้จะขึ้นสนิมและมีอดีตที่ไม่ค่อยดีนัก แต่คาดว่านักสะสมรถยนต์เก่าหรือแฟนพันธุ์แท้กีฬามอเตอร์สปอร์ตน่าจะยอมควักกระเป๋าเป็นเงินก้อนโต เพื่อให้ได้รถคันนี้มาไว้ในครอบครอง ในฐานะรถที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งยังหาดูยากอีกด้วย (ผลิตขึ้นเพียง 4 คันในโลก) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น